tas-go.com
จาก วิกิพจนานุกรม พจนานุกรมเสรี ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา เนื้อหา 1 ภาษาไทใหญ่ 1. 1 การออกเสียง 1. 2 คำนาม 1. 3 คำอนุภาค ภาษาไทใหญ่ [ แก้ไข] การออกเสียง [ แก้ไข] สัทอักษรสากล ( คำอธิบาย): /ʔeː˥/ คำอ่านภาษาไทย (ประมาณ): /อ๊+เ-/ สัมผัส: -eː คำนาม [ แก้ไข] ဢေး • ( เอ๊) คำ ประกอบ หน้า ชื่อ ผู้หญิง ဢေး ၼၢင်း เอ๊ น๊าง เอ นาง คำอนุภาค [ แก้ไข] คำ ลงท้าย ใช้ หลัง คำถาม; หา? ฮะ? လီ ႁႃး ဢေး ลีห๊า เอ๊ ดีไหม อ่ะ คำลงท้าย แสดง ความ ไม่ แน่ใจ; กระมัง, มั้ง คำลงท้ายใช้หลังคำ สั่ง เพื่อ แสดง ว่า รอ ไม่ ไหว แล้ว; สิ! เข้าถึงจาก " ေး&oldid=1416434 " หมวดหมู่: ศัพท์ภาษาไทใหญ่ที่มีการออกเสียง IPA สัมผัส:ภาษาไทใหญ่/eː ศัพท์ภาษาไทใหญ่ที่มี 1 พยางค์ คำหลักภาษาไทใหญ่ คำนามภาษาไทใหญ่ ศัพท์ภาษาไทใหญ่ที่มีตัวอย่างการใช้ คำอนุภาคภาษาไทใหญ่
/ ขน ภาษาบาลี [ แก้ไข] เขียนด้วยอักษรอื่น ( อักษรไทย) โลมะ ( อักษรพราหมี) 𑀮𑁄𑀫 ( โลม) ( อักษรเทวนาครี) लोम ( โลม) ( อักษรเบงกอล) লোম ( โลม) ( อักษรสิงหล) ලොම ( โลม) ( อักษรพม่า) လောမ ( โลม) หรือ လေႃမ ( โลม) ( อักษรไทธรรม) ᩃᩮᩣᨾ ( โลม) ( อักษรลาว) ໂລມ ( โลม) หรือ ໂລມະ ( โลมะ) ( อักษรเขมร) លោម ( โลม) ( อักษรละติน) loma โรม โลม ก. การผันรูป [ แก้ไข] ตารางการผันรูปของ "โลม" (เพศกลาง) การก \ พจน์ เอกพจน์ พหูพจน์ กรรตุการก (ปฐมา) โลมํ โลมานิ หรือ โลมา กรรมการก (ทุติยา) โลมํ โลมานิ กรณการก (ตติยา) โลเมน โลเมหิ หรือ โลเมภิ สัมปทานการก (จตุตถี) โลมสฺส หรือ โลมาย หรือ โลมตฺถํ โลมานํ อปาทานการก (ปัญจมี) โลมสฺมา หรือ โลมมฺหา หรือ โลมา โลเมหิ หรือ โลเมภิ สัมพันธการก (ฉัฏฐี) โลมสฺส โลมานํ อธิกรณการก (สัตตมี) โลมสฺมิํ หรือ โลมมฺหิ หรือ โลเม โลเมสุ สัมโพธนการก (อาลปนะ) โลม โลมานิ หรือ โลมา
เพราะเมื่อเราบำเพ็ญบารมีตลอดกาลเท่านี้ ก็หาได้บำเพ็ญ เพื่อมุ่งจะให้พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารได้ช่องไม่ " เพื่อจะให้หญิง เหล่านั้นสังเวช จึงทรงเปล่งรัศมีจากพระโลมาระหว่าง พระโขนง(ภมุกโลมโตติ. ภมุกนฺตเร โลมโต. ) ทันใด นั้นเอง ความมืดมนอนธการได้มีแล้ว. หญิงเหล่านั้นได้หวาดหวั่น อัน มรณภัยคุกคามแล้ว ด้วยเหตุนั้น สุราในท้องของหญิงเหล่านั้นจึงสร่างคลาย ไป. พระศาสดาทรงหายไป ณ บัลลังก์ที่ประทับนั่ง ประทับยืนอยู่บน ยอดเขาสิเนรุ ทรงเปล่งพระรัศมีจากพระอุณาโลม. ขณะนั้น แสงสว่าง ได้มีเหมือนพระจันทร์ขึ้นตั้งพันดวง. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสเรียกหญิง เหล่านั้นมาแล้ว ตรัสว่า " พวกเธอ เมื่อมาสำนักของเรา ประมาทแล้ว หาควรไม่, เพราะความประมาทของพวกเธอนั่นเอง เทวดาซึ่งนับเนื่อง ในหมู่มารจึงได้ช่อง ให้พวกเธอทำกายวิการมีหัวเราะเป็นต้น ในที่ซึ่งไม่ ควรทำกายวิหารมีหัวเราะเป็นต้น, บัดนี้ พวกเธอทำความอุตสาหะ เพื่อ มุ่งให้ไฟราคะเป็นต้นดับไปจึงควร " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า ๑. โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ. " เมื่อโลกสันนิวาส อันไฟลุกโพลงอยู่เป็นนิตย์, พวกเธอยังจะร่าเริง บันเทิงอะไรกันหนอ?
แก้อรรถ บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิธ ความว่า ย่อมเพลิดเพลินในโลกนี้ ด้วยความเพลิดเพลินเพราะกรรม. บทว่า เปจฺจ ความว่า ย่อมเพลิดเพลินในโลกหน้า ด้วยความ เพลิดเพลินเพราะวิบาก. บทว่า กตปุญฺโญ คือ ผู้ทำบุญมีประการต่าง ๆ. บทว่า อุภยตฺถ ความว่า ย่อมเพลิดเพลินในโลกนี้ ด้วยคิดว่า " กุศลเราทำไว้แล้ว, บาปเราไม่ได้ทำ. " เมื่อเสวยวิบาก ชื่อว่า ย่อม เพลิดเพลินในโลกหน้า. สองบทว่า ปุญฺญํ เม ความว่า ก็เมื่อเพลิดเพลินในโลกนี้ ชื่อว่า ย่อมเพลิดเพลิน เหตุอาศัยความเพลิดเพลินเพราะกรรม ด้วยเหตุเพียง โสมนัสเท่านั้นว่า "เราทำบุญไว้แล้ว. " บทว่า ภิยฺโย เป็นต้น ความว่า ก็เขาไปสู่สุคติแล้ว เมื่อเสวย ทิพยสมบัติ ตลอด ๕๗ โกฏิปีบ้าง ๖๐ แสนปีบ้าง ย่อมชื่อว่า เพลิดเพลิน อย่างยิ่งในดุสิตบุรี ด้วยความเพลิดเพลินเพราะวิบาก. ในกาลจบคาถา คนเป็นอันมาก ได้เป็นอริยบุคคลมีโสดาบัน เป็นต้นแล้ว. พระธรรมเทศนา ได้เป็นประโยชน์แก่มหาชน ดังนี้แล. เรื่องนางสุมนาเทวี จบ. ดูเพิ่ม [ แก้ไข] ธรรมบท - ยมกวรรค