tas-go.com
โรคเกาต์เทียม (Pseudogout) เป็นโรคที่ 👉👉มักเกิดความสับสนกับโรคเกาต์ และโรคข้ออื่นๆ ดังนั้น การวินิจฉัยโรคที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะผู้ป่วยโรคเกาต์เทียมที่ไม่ได้รับการรักษา #อาจส่งผลให้เกิดอาการข้อเสื่อมรุนแรง อักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่การพิการได้💥💥 ดังนั้น การวินิจฉัยโรคที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะผู้ป่วยโรคเกาต์เทียมที่ไม่ได้รับการรักษา #อาจส่งผลให้เกิดอาการข้อเสื่อมรุนแรง อักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่การพิการได้💥💥 10 ประเด็นสำคัญของโรคเกาต์เทียมที่ควรรู้ ‼1. โรคเกาต์เทียมมีความคล้ายคลึงกับโรคเกาต์ แต่ทั้งสองโรคนี้เกิดขึ้นจากการสะสมผลึกที่ต่างกัน โรคเกาต์เทียม คือภาวะที่เกิดขึ้นจากการที่มีผลึกแคลเซียมไพโรฟอสเฟต (Calcium Pyrophosphate) สะสมภายในข้อ และเนื้อเยื่อรอบข้อ ในขณะที่โรคเกาต์เกิดจากการสะสมของผลึกยูริก (Uric) ภายในข้อ ‼2. โรคเกาต์เทียม หรือที่เรียกว่า CPPD (Calcium pyrophosphate dihydrate) อาจมีอาการเหมือนโรคข้อเสื่อม และข้ออักเสบรูห์มาติกเช่นเดียวกับโรคเกาต์ ผู้ป่วยที่มีการสะสมของผลึกแคลเซียมไพโรฟอสเฟตประมาณ 25% จะป่วยเป็นโรคเกาต์เทียม ผู้ป่วยโรคเกาต์เทียมไม่จำเป็นต้องมีอาการทุกคน แต่ประมาณ 5% อาจมีอาการที่คล้ายโรคข้ออักเสบรูห์มาติก และอีกประมาณ 50% เกิดอาการที่คล้ายกับโรคข้อเสื่อมได้ ‼3.
การอักเสบของข้อจะเกิดขึ้น มีปัจจัยเสียงหลายอย่างที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าว เป็นต้นว่า ข้อได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับการผ่าตัด, โรคพันธุกรรม, โรคต่อมไทรอยด์, ต่อพาราไทรอยด์, โรค hemochromatosis ซึ่งทำให้มีระดับธาตุเหล้กในกระแสเลือดสูง และอื่นๆ…. การมีผลึก calcium pyrophosphate ในกระดูกอ่อน ไม่ได้หมายความว่า เขาคนนั้นจะเป็นโรคเก๊าท์เทียมเสมอไป โรคเก๊าท์เทียมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อม่ีการอักเสบจากการที่มีผลึกถูกปล่อยออกไปยังข้อเท่านั้น…. Pseudogout: Diagnosis / การวินิจฉัยโรคเก๊าท์เท่ียม โรคเก๊าท์เทียมจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีผลึกของ calcium pyrophospahte ปรากฏในน้ำไขข้อที่เกิดการอักเสบ โดยเป็นผลมาจากการมีผลึกของ calcium pyrophospate พอกตัวอยุู่ในตัวกระดูกอ่อน ซึ่งปล่อยผลึกลงไปในข้อ… ดังนั้น การทีเราจะทราบได้ว่า ใครเป็นเก๊าทืเทียมก้็ต่อเมื่อมีการตรวจพบผลึกของสาร calcium pyrophosphate ในน้ำไขข้อนั้นเอง ในการวินิจฉัยโรคเก๊าท์เทียมนั้น จำเป็นต้องแยกโารคอีกเสองโรค คือ โรคเกีาท์ และโรคข้ออักเสบอย่างเฉียพลันนั้นเอง… Gout vs Pseudogout โรคเก๊าทื (แท้) และเก้าเทียมมีความเหมือน และความต่างดังต่อไปนี้: 1.
โรคเกาต์ กับ เกาต์เทียม ต่างกันอย่างไร? ถ้าป่วยเป็นโรคเกาต์แล้วกินอะไรถึงจะดี? วิธีดูแลตัวเองสำหรับผู้ที่เป็น โรคเกาต์ และ เกาต์เทียม ถ้าพูดถึงโรคเกาต์ หลาย ๆ คน คงคิดถึงประโยคยอดฮิตอย่าง "กินไก่เยอะ ๆ จะทำให้เป็นโรคเกาต์" แล้วความเชื่อแบบนี้ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?
เรามักตั้งข้อสังเกตกันว่า หากมีอาการปวดบวมแดง เป็นๆ หายๆ ที่บริเวณข้อต่างๆ อาจเกิดจากโรคเกาต์ แต่จริงๆ แล้วมีโรคข้ออักเสบอีกชนิดหนึ่งที่อาการแสดงคล้ายกันมาก แต่ไม่ได้สัมพันธ์กับภาวะกรดยูริกสูง คือ โรคเกาต์เทียม ซึ่งพบได้บ่อยไม่แพ้กันโดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องอาจนำไปสู่การรักษาที่ผิดวิธี และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ ทำความรู้จัก 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคเกาต์เทียม เพื่อการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม 1. โรคเกาต์เทียม ไม่ได้เกิดจากภาวะยูริกในเลือดสูงแบบโรคเกาต์ โรคเกาต์เทียม เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากผลึกแคลเซียมไพโรฟอสเฟต มีการตกตะกอน และสะสมตามข้อต่อต่าง ๆ รวมถึงเนื้อเยื่อบริเวณรอบข้อ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการข้ออักเสบเฉียบพลันเป็นครั้งคราว แตกต่างจากโรคเกาต์ที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงสะสมเป็นระยะเวลานาน และตกตะกอนเป็นผลึกกรดยูเรตสะสมตามข้อจนทำให้เกิดข้ออักเสบตามมา 2.